บาวาร์ชิ Bawarchi ร้านอาหารอินเดีย ฮาลาล กลางเมือง

บาวาร์ชิ Bawarchi ร้านอาหารอินเดียฮาลาล ตั้งอยู่ชั้น Bในอาคารเพรสซิเด้นท์ ทาวเวอร์ โรงแรมอินเตอร์คอนทิเนนทอล ราชประสงค์ ชิดลม เป็นร้านอาหารอินเดียสไตล์ไฟนไดนิ่งกลางกรุง มีความเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี การันตีคุณภาพและการบริการโดยเหล่านักชิมและสื่อต่างๆ มากมาย ตกแต่งร้านหรูหรา สวยงาม มีระดับ สร้างบรรยากาศและกลิ่นอายของความเป็นภารตะอย่างชัดเจน

สำหรับคนไทยหลายคนอาจคิดว่าอาหารอินเดียเครื่องเทศต้องแรงแน่ แต่ผิดคาดอาหารอินเดียของร้านนี้เครื่องเทศไม่แรง ขอบอกก่อนว่าอาหารอินเดียนั้นมีอยู่หลายภูมิภาคหลายประเภททั้งที่หนักเครื่องเทศโดยเฉพาะทางภาคใต้ ทั้งกลิ่นและรสชาติจะมีความเผ็ดร้อนกลิ่นเครื่องเทศแรง ส่วนทางภาคเหนือจะมีกลิ่นที่ไม่แรงแต่รสชาติและความอร่อยจะดีกว่ามาก ดังนั้น “ฮาลาลอินไทยแลนด์” จึงอยากให้มาลองทานสักครั้งแล้วจะรู้ว่าอาหารอินเดียนั้นทานง่ายกว่าที่คิด

ปัจจุบันร้านอาหารอินเดีย บาวาร์ชิ Bawarchi ในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาชิดลม (ซึ่งเป็นสาขาแม่ที่เราได้มาลิ้มลองกันในครั้งนี้), สาขาสุขุมวิทซอย4, สาขาสุขุมวิท ซอย11 และสาขาสาทร สะดวกที่ใหนก็ไปลิ้มลองกันที่สาขานั้น แต่ละสาขาการตกแต่งร้านจะมีความแตกต่างกันไปตามขนาดและสถานที่ แต่ความอร่อยขอบอกเลยว่าไม่ว่าจะไปทานที่สาขาใหน คุณภาพและรสชาติจะเหมือนกัน

เมนูอาหารที่ได้ลิ้มลองกันในครั้งนี้นั้นมีทั้งที่เป็นส่วนของสตาร์ทเตอร์ “Papadum Cones & Chutney” หน้าตาคล้ายข้าวเกรียบทรงกรวย แต่ทำมาจากแป้งพิเศษ ซึ่งเป็นอาหารทานเล่นที่ได้รับความนิยม ทานคู่กันกับช๊อตนี่ หรือซอสต่าง ๆ สามารถเลือกได้ว่าชอบซอสอะไร หากไม่รีเควสซอสแล้วทางร้านจะเสิร์ฟออกมาเป็นซอสมาตรฐาน 4 อย่างคือ ซอสมะม่วง ซอสมิ้นต์ ซอสบีทรูท และซอสโยเกิร์ตกระเทียม บางซอสมีความเผ็ดอยู่ในตัว วิธีการทานนั้นง่ายมากคือนำปาปาดัมจิ้มกับซอส ได้ความกรุบกรอบของแป้ง และมีกลิ่นหอมบางๆ ของควันเตาทันดูร

สำหรับอาหารจานหลักที่มาเสิร์ฟมีอยู่ด้วยกันหลายเมนู เริ่มด้วยจานแรกเลย “Tandoori Broccoli บร๊อคโคลี่ครีมชีส” อยากบอกว่าเมนูนี้เหมาะสำหรับคนทานวิจีทาเรี่ยนมาก เป็นการนำเอาบร๊อคโคลี่สด ๆ หัวใหญ่ ๆ นำมาหมักด้วยชีสของอินเดีย แล้วนำไปอบในเตาทันดูร ทานตอนร้อน ๆ ชีสไม่ได้เยิ้มยืดเหมือนชีสของตะวันตก แต่ให้ความหอมที่นุ่ม รสชาติละมุน ซึมเข้าทุกซอกของก้านบร๊อคโคลี่

เมนูที่สอง “Tanduri Chaap” เนื้อแกะนำเข้าจากต่างประเทศ คลุกเคล้าด้วยเครื่องเทศ สูตรเฉพาะตัวของร้าน หมักนานหลายชั่วโมง ทำให้เนื้อนุ่ม เครื่องเทศเข้าเนื้อ ไม่มีกลิ่นคาว นำไปย่างในเตาทันดูร เป็นเตาที่ให้ความร้อนสูงถึง 400 องศาเลยทีเดียว อาหารเกือบทุกรายการทางร้านใช้เตานี้ในการย่าง และอบ ดังนั้นเชฟจึงมีความชำนาญในการใช้เตานี้มาก เพื่อให้ได้คุณภาพของอาหารที่ได้ระดับและความสมบูรณ์ของรสชาติสูงสุด ยามเสิร์ฟเชฟจัดวางเนื้อแกะแนวตั้ง 3ชิ้น สีสันสวยงาม ดูน่ากิน เนื้อนุ่มฉ่ำ เมนูนี้แนะนำว่าให้รีบทานตอนร้อนจะได้รสชาติดีกว่าตอนที่อาหารเย็นแล้ว

เมนูที่สาม “Rojan Josh” หลายคนเมื่อเอ่ยถึงแกะแล้วเป็นต้องขยาดเนื่องจากกลิ่นแรง แต่ที่นี่ไม่ใช่ ทางร้านใช้เนื้อแกะจากมองโกเลียที่เลี้ยงตามทุ่ง เนื้อแกะแน่น แต่นุ่มและไม่มีกลิ่นสาป ผสมผสานด้วยเครื่องเทศนำเข้าจากประเทศอินเดียกว่า 12 ชนิด ผ่านการเคี่ยวนานหลายชั่วโมงทำให้ได้เนื้อแกงที่เข้มข้น หอมมัน เสริฟมาในภาชนะทองเหลืองคงความร้อนของอาหารอย่างสม่ำเสมอบนเตาร้อน อาหารอินเดียสามารถทานได้ทั้งข้าวเหลืองซอฟรอนบัสมาตีและแป้งนาน

เมนูที่สี่ “Dal Makhani” สมัยก่อนแกงถั่วแดง หรือแกงถั่วเหลืองจะทานได้เฉพาะในเทศกาลต่าง ๆ ได้รับอิทธิพลมาจากปัญจาบ กรุงนิวเดลี อนุทวีปอินเดีย ต่อมาได้มีความแพร่หลายไปทางตอนเหนือจนเป็นที่นิยมจากภูมิภาคต่าง ๆ กว่าจะได้เมนูนี้ถั่วต้องต้มนานหลายชั่วโมง รสชาติชัดเจนมาก เข้มข้นด้วยเนย มีเความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศอยู่ในตัว มีความเนียนละมุนนุ่มลิ้น อีกหนึ่งเมนูสำหรับคนที่รักอาหารประเภทมังสวิรัต

เมนูที่ห้า “Butter Chicken บัตเตอร์ชิคเก้น” แกงอกไก่นุ่ม ๆ ไม่กระด้าง หอมเครื่องเทศ เนื้อแกงเข้มข้นถูกปาก เสิร์ฟออกมาบนภาชนะทองเหลืองอุ่นร้อนบนเตา อีกหนึ่งเมนูอาหารเป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คน เพราะว่าทานง่าย และสามารถทานคู่กันกับอะไรก็อร่อย

เมนูที่หก “ Tandoori King Prawn” เป็นเมนูสุดท้ายก่อนถึงของหวาน กุ้งย่างคัดไซส์ตัวโตๆ รสชาติมีความคล้ายคลึกกับแกะย่างที่ผ่านมา เสิร์ฟออกมาบนจาน 4 ตัว อัดแน่นไปด้วยเครื่องเทศ หอมละมุน เนื้อแน่นเด้งหวาน ยิ่งได้ทานคู่กันกับช๊อตนี่แล้วยิ่งเข้ากันไปใหญ่ เสริมรสชาติกันและกันได้ดี

ก่อนจะจบอาหารจานหลักพนักงานเสิร์ฟน้ำอุ่นมะนาวให้ล้างมือ ปกติแล้วอาหารอินเดียเราจะทานด้วยมือเปล่าจะถนัดกว่าการทานอาหารด้วยช้อนซ้อมเพื่อดับกลิ่นคาวก่อนที่จะทานของหวานเพื่อการปิดท้ายมื้ออาหาร ในครั้งนี้เราขอลอง 2 อย่าง เป็นของหวานมาตรฐานและเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน นั่นก็คือ “Rasmalai แป้งห่อคอทเทจชีส” หน้าตาขาวนวล ปั้นเป็นก้อนกลมแบน มีความนุ่มหนึบหนับไม่ยุบตัว หอมกลิ่นนมแพะอ่อน ๆ และ “Gulab Jamun กุหลาบจามุน” ของหวานชนิดนี้มีความหวานมาก จนมากที่สุด แนะนำว่าไม่ควรทานเกิน 2 ชิ้น แต่ทานง่ายได้รสชาติที่แปลกดี

ข้อมูลทั่วไปของร้านอาหารอินเดีย บาวาร์ชิ Bawarchi ชิดลม

• สถานที่ตั้ง : ชั้น B โรงแรมอินเตอร์คอนทิเนนทอล กรุงเทพ (เพรสซิเด้นท์ ทาวเวอร์) ถนนชิดลม ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร10330
• เปิด-ปิด : 11:00 – 24:00 น.
• โทรศัพท์ : 02 656 0102
• เว็บไซต์ : www.bawarchiindian.com
• เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/bawarchithailand/
• พิกัด : 13.7444423,100.541562
• แผนที่ : https://goo.gl/maps/n3hUw3S9JSv

เรามาดูบทสรุปร้านอาหารอินเดีย บาวาร์ชิ Bawarchi ชิดลม กัน

• บรรยากาศร้าน : ตกแต่งออกมาเปรียบเสมือนอยู่ในดินแดนภารตะ ตั้งแต่ทางเข้าร้าน ยันไปจนถึงในครัว มีแสงความอีมครีม ไม่สว่างมาก แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ดูไฮโซ สะอาดสะอ้าน พร้อมกับการบริการที่เอาใจใส่ของพนักงาน สามารถเลือกที่นั่งได้ ทั้งยังมองเห็นพ่อครัวทำอาหารได้ด้วย
• ความหลากหลายของเมนู และรสชาติอาหาร : อาหารอินเดียของที่ร้านมีมากมายกว่าร้อยรายการ แต่ละรายการไม่คุ้นชื่อ หน้าตาไม่เคยได้เห็นที่ใหนมาก่อน หากอยากทานเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ แจ้งพนักงานจัดมาเลยดีกว่า ส่วนรสชาติอาหารนั้นจากที่ได้ลิ้มลองมาหลายเมนู ถือว่าอาหารอินเดียนั้นทานง่าย กลิ่นเครื่องเทศไม่แรงอย่างที่หลายคนเข้าใจ หากใครที่ชื่นชอบอาหารอินเดีย หรือต้องการลิ้มลองเป็นครั้งแรก ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านที่นับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
• การเดินทางไปยังร้าน : ตัวร้านตั้งอยู่ใจกลางเมือง ติดกับรถไฟฟ้า ทั้งยังติดกับแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม เป็นสถานที่ผู้คนพลุกพล่านเลยทีเดียว สามารถเดินทางไปด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีชิดลม แล้วเดินย้อนขึ้นไปอีกนิดหน่อย ทั้งยังมีรถโดยสารสาธารนะอีกหลายสาย สำหรับคนที่ขับรถมาก็สะดวกสามารถไปจอดรถได้ที่บริเวณที่จอดของโรงแรม